สถาปัตยกรรมศิลปะขอมในยุคอาณาจักรเขมร เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและกัมพูชา ศิลปะขอมมีการพัฒนาขึ้นในช่วงเวลาที่อาณาจักรเขมรเจริญรุ่งเรือง ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 9 ถึง 15 และมีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนถึงความเชื่อ ศาสนา และวิถีชีวิตของคนในยุคสมัยนั้น
หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดของสถาปัตยกรรมขอมคือ วัดอังกอร์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเขมรในช่วงรุ่งเรือง วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายพระเทพเจ้า และมีลักษณะการออกแบบที่ซับซ้อน มีการใช้หินทรายและหินบะซอลต์ในการก่อสร้าง การตกแต่งด้วยภาพแกะสลักที่สวยงามแสดงถึงศิลปะที่สูงส่งและความเชื่อทางศาสนา โดยเฉพาะการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและเทพเจ้าในศาสนาฮินดู
อีกหนึ่งตัวอย่างที่สำคัญคือ ปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย สถาปัตยกรรมของปราสาทนี้สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะขอมในการก่อสร้างที่มีความละเอียดและซับซ้อน มีการจัดวางโครงสร้างอย่างเป็นระเบียบ โดยมีการใช้เสาหินและการตกแต่งด้วยภาพแกะสลักที่มีรายละเอียดสูง เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อและศาสนา
นอกจากความงดงามของการออกแบบแล้ว การใช้สัญลักษณ์และความเชื่อในศาสนา ยังเป็นส่วนสำคัญที่ปรากฏในสถาปัตยกรรมขอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า ผ่านการสร้างวัดและปราสาทที่เป็นสถานที่สำหรับการประกอบพิธีกรรมต่างๆ การสร้างพระวิหารและพระพุทธรูปที่สวยงามสะท้อนถึงการเคารพและศรัทธาต่อเทพเจ้าในศาสนาฮินดูและพระพุทธศาสนา
การศึกษาศิลปะขอมไม่เพียงแต่ให้ความรู้เกี่ยวกับการก่อสร้างและการออกแบบ แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงบริบททางประวัติศาสตร์และสังคมในยุคนั้น โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีและความก้าวหน้าทางศิลปะ การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่มีคุณค่า และการบูรณาการความรู้ความเชื่อในชุมชนกับศิลปกรรม
สถาปัตยกรรมศิลปะขอม ในยุคอาณาจักรเขมรจึงเป็นมรดกที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ช่วยให้เราย้อนกลับไปสู่ความรุ่งเรืองและความสามารถทางศิลปะในอดีต ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาศิลปะในภูมิภาคนี้ในยุคต่อมา รวมถึงการสร้างสรรค์ที่สะท้อนถึงความเชื่อและประเพณีที่ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
สรุปได้ว่า สถาปัตยกรรมศิลปะขอมในยุคอาณาจักรเขมรไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสื่อสารความเชื่อและวัฒนธรรมที่มีคุณค่าต่อประชาชนในภูมิภาคนี้ในทุกยุคทุกสมัย