4 สาเหตุของอาการ “ยางบวม” ที่มักพบบ่อยในยางรถยนต์

ยางบวม (Tire Blowout) เกิดจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในยางรถยนต์ที่สามารถทำให้ลมหายไปอย่างรวดเร็ว สาเหตุของยางบวมอาจมีหลายอย่าง ดังนี้:

  1. บางสิ่งแทรกตัวเข้ามาในยาง: วัตถุหรือวัตถุแปลกปลอมเช่นหัวตีเสียหาย, กระจกเสียหาย, หรือชิ้นส่วนจากถนนที่เสียหายอาจเจอตัวเข้าไปในยางและทำให้เกิดรอยแทรกบางสิ่งที่ส่งผลให้ยางบวม
  2. สึกหรอ: สึกหรอในยางรถอาจเกิดจากการขับรถบนถนนที่ไม่เรียบหรือมีอุบัติเหตุที่ทำให้ยางเสียหาย. สึกหรอเป็นความเสียหายในลายยางที่ทำให้ลำดับของเส้นสปรอยหรือเส้นยางหลุดหรือเปิดใหญ่ขึ้น และเมื่อเส้นสปรอยหรือเส้นยางนั้นสุดในอาจทำให้ยางบวม
  3. ยางเสียหาย: ยางที่มีเสียหายเนื่องจากความสึกหรอหรือการสึกหรอต่างๆ อาจเสี่ยงต่อการแตกหรือเสียหายเพิ่มเติม
  4. สภาพยางที่แย่: ยางรถยนต์ที่ไม่ได้รักษาและดูแลอย่างเหมาะสม เช่นไม่ได้ตรวจสอบและเติมลมอย่างเป็นประจำ, มีการสึกหรอและรอยแทรกที่ไม่ได้รับการดูแล, อาจมีความสุขใจในการเกิดยางบวม

ยางบวมเป็นเรื่องอันตรายและอาจทำให้รถสูญหายการควบคุมและเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ หากคุณประสงค์ที่จะลดความเสี่ยงในการเกิดยางบวม ควรรักษายางรถในสภาพดี, ตรวจสอบและเติมลมอย่างเป็นประจำ, และหลีกเลี่ยงการขับรถอย่างรวดเร็วบนถนนที่ไม่เรียบหรือถนนที่มีความสาเหตุที่เสี่ยงต่อยางรถยนต์ของคุณ

5 บริษัทผลิตยางรถยนต์ ที่มีโรงงานในประเทศไทย

ยางรถยนต์ยี่ห้อหลายรายผลิตที่ประเทศไทย แต่ตัวอย่างของบริษัทที่ผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทยรวมถึง

Bridgestone: Bridgestone เป็นบริษัทผลิตยางรถยนต์ชั้นนำโดย Bridgestone Tire Manufacturing (Thailand) Co., Ltd. บริษัทนี้มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทยและผลิตยางยี่ห้อ Bridgestone อย่างกว้างขวาง

Michelin: บริษัท Michelin ก็มีการผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย โดยทำงานผลิตที่ Michelin Siam Co., Ltd. ในอาเจอร์ทัม และผลิตยางยี่ห้อ Michelin ระดับโลกในนั้น

Goodyear: Goodyear ยังมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ในปรเทศไทย ที่ Goodyear Thailand Public Co., Ltd. มีการผลิตยางยี่ห้อ Goodyear และยี่ห้อ Dunlop ในประเทศไทย

Sumitomo Rubber Industries (Dunlop): Sumitomo Rubber Industries เป็นบริษัทที่ผลิตยางยี่ห้อ Dunlop และมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย

Toyo Tires: บริษัท Toyo Tire (Thailand) Co., Ltd. ผลิตยางยี่ห้อ Toyo Tires ในประเทศไทย

นี่เป็นบริษัทยางยี่ห้อที่มีการผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย โดยยางรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยมักจะมีคุณภาพและมาตรฐานสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศและในตลาดระหว่างประเทศ คุณสามารถเลือกยางรถยนต์จากบริษัทเหล่านี้หากคุณต้องการยางรถที่ผลิตในประเทศไทย

ความแตกต่าง 6 ข้อของยาง Runflat และยางรถยนต์ทั่วๆ ไป

ยาง Run-Flat (รีบส์แฟลต) แตกต่างจากยางรถยนต์ทั่วไปในแง่มาตรฐานและความสามารถในสถานการณ์ที่ยางรถเจริญเสียหายหรือแตก. ความแตกต่างสำคัญระหว่างยาง Run-Flat และยางรถยนต์ทั่วไปคือ

  1. ความสามารถในการขับหลังยางแตก: ยาง Run-Flat ออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้หลังจากที่ยางแตก คุณสามารถขับรถไปย่างระมัดระไมได้เมื่อยางแตกโดยไม่ต้องหยุดทางของคุณอย่างรวดเร็ว. ยางทั่วไปที่แตกจะทำให้คุณต้องหยุดทางและเปลี่ยนยางทันที
  2. ไม่มีท่อลม: ยาง Run-Flat ไม่มีท่อลม เมื่อยาง Run-Flat แตก มีโครงสร้างพิเศษภายในที่ช่วยรักษาความหนาแน่นของยางแม้ยางเจริญแตก ยางรถทั่วไปมีท่อลมภายในที่ใช้เก็บลม
  3. น้ำหนัก: ยาง Run-Flat มักมีน้ำหนักมากกว่ายางรถทั่วไป เนื่องจากโครงสร้างพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานในสถานการณ์ยางแตก
  4. ความสั่นสะเทือน: ยาง Run-Flat มักมีความสั่นสะเทือนมากกว่ายางรถทั่วไป เนื่องจากโครงสร้างพิเศษที่เหนียวแน่นเพื่อรองรับความแข็งตัวของยางแตก
  5. จำนวนชนิดของยาง: ยาง Run-Flat มักมีความหลากหลายน้อยกว่าในเรื่องขนาดและแบรนด์เมื่อเทียบกับยางรถทั่วไป
  6. ระยะเวลาการใช้งาน: ยาง Run-Flat มักมีระยะเวลาการใช้งานที่จำกัดหลังจากยางแตก คุณไม่ควรขับรถโดยไม่มีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนยางนานเกินไปหลังจากยางแตก

ยาง Run-Flat มีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ยางแตกหรือสูญหาย เพราะมันช่วยลดความไม่สะดวกและความเสียหายขณะขับรถ. แต่ควรทราบว่ายาง Run-Flat มีข้อจำกัดและควรตรวจสอบคู่มือรถหรือข้อมูลจากผู้ผลิตเกี่ยวกับการใช้งานและระยะเวลาการใช้งานของยาง Run-Flat ที่คุณใช้บนรถของคุณ

ความถี่ในการเติมลมยาง และการตรวจสอบสภาพยางรถยนต์

การเติมลมยางรถยนต์เป็นส่วนสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับรถ ควรตรวจสอบและเติมลมยางอย่างเป็นประจำ และความถี่ที่ควรเติมลมยางขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น

  1. ความถี่ของการตรวจสอบ: ควรตรวจสอบลมในยางรถอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อเดือน และในกรณีที่สภาพยางรถดูเป็นที่เรื่อง หรือในการเปลี่ยนฤดูแล้งหรือฤดูฝน
  2. สภาพอากาศ: สภาพอากาศมีผลต่อความสามารถในการรักษาความดันลมในยางรถ ในสภาพอากาศหนาวยางรถมักสภาวะดันลมต่ำลง แต่ในสภาพอากาศร้อนยางรถมักขยายตัวขึ้น ดังนั้นควรเติมลมบ่อยขึ้นในสภาพอากาศหนาว
  3. สภาพแผนที่รถยนต์: ยางรถแต่ละยี่ห้อและแบรนด์มีค่าดันลมที่แนะนำที่แตกต่างกัน ควรตรวจสอบค่าดันลมที่แนะนำสำหรับยางรถของคุณในคู่มือเจ้าของรถหรือบนประตูรถ
  4. น้ำหนักที่บรรทุก: การน้ำหนักที่บรรทุกในรถมีผลต่อความดันลมในยาง หากคุณบรรทุกของหนักหรือขับรถบ่อยบ่อยกับน้ำหนักขนาดใหญ่ควรตรวจสอบและเติมลมในยางรถตามค่าดันที่แนะนำ
  5. รถแข็งนุ่ม: รถยนต์ที่มีระบบยางแข็งนุ่ม (Run-Flat Tires) หรือยางที่ไม่มีท่อลมอาจมีความถี่ในการตรวจสอบและเติมลมที่แตกต่างกับยางที่มีท่อลม ควรตรวจสอบคู่มือรถหรือแนะนำจากผู้ผลิตเกี่ยวกับยางที่ใช้กับรถแข็งนุ่ม
  6. ความร้อน: ความร้อนจากอากาศหรือการขับรถนานในอากาศร้อนอาจทำให้ความดันลมในยางเพิ่มขึ้น ควรตรวจสอบและเติมลมหากจำเป็นเมื่อยางร้อน

ควรใช้มาตรการเลือกที่ใช้ความดันลมในยางเป็นเป็นมาตราการพื้นฐานเพื่อรักษาความปลอดภัยขณะขับรถ โดยตรวจสอบและเติมลมตามค่าดันที่แนะนำ ควรจะทำการตรวจสอบยางรถให้เป็นประจำและตรวจสอบสภาพยางอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันความเสียหายและความเสียหายในอนาคต